หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังมองหาเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพสูง ใช้งานง่าย และให้เสียงเป็นธรรมชาติมากที่สุด คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “เครื่องช่วยฟังยี่ห้อไหนดี?”
คำตอบที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้งานจำนวนมากคือ Signia — แบรนด์จากเยอรมนีที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลก
Signia พัฒนาเทคโนโลยีเสียงให้ใกล้เคียงกับการได้ยินตามธรรมชาติมากที่สุด ด้วยระบบประมวลผลเสียงขั้นสูงที่ช่วยลดเสียงรบกวน และปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ นอกจากนี้เครื่องช่วยฟัง Signia ยังมีการรับประกันที่ยาวนานถึง 2 ปี
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกผลิตภัณฑ์และจุดเด่นของแบรนด์ Signia อย่างละเอียด
ขอบคุณที่แวะชม Digibionic หากคุณมีคำถามใดๆ กรุณาติดต่อเรา
ปัจจุบันเครื่องช่วยฟังของ Signia ได้ออกแบบมาหลากหลายรุ่น
นี่คือตารางสรุปง่าย ๆ ของเครื่องช่วยฟังรุ่นต่างๆ ของ Signia หากต้องการรู้ข้อมูลคร่าวๆ ตารางด้านล่างนี้
จะช่วยคุณได้:
ระดับเทคโนโลยีของเครื่องช่วยฟัง | 7 / 5 / 3 / 2 / 1 |
ยิ่งตัวเลขสูง เทคโนโลยีเครื่องช่วยฟังยิ่งสูงขึ้น และราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย | |
รุ่นของเครื่องช่วยฟัง |
Signia (ซิกเนีย) คือใคร?
กลุ่มบริษัท Sivantos ซึ่งมีประวัติย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ. 1878 โดยในขณะนั้น Werner von Siemens
ได้พัฒนาเครื่องรับโทรศัพท์แบบเพิ่มเสียง เพื่อช่วยให้ผู้มีปัญหาทางการได้ยินสามารถได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้นบริษัทได้ยึดมั่นในความเห็นอกเห็นใจและความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น Siemens ได้มุ่งเน้นในการผลิตเครื่องช่วยฟังคุณภาพสูง และในปี 1959 Siemens ก็ได้สร้างชื่อเสียงด้วยการผลิตเครื่องช่วยฟังดิจิทัลแบบใส่ในหู ที่มีไมโครโฟนสองทิศทางและคุณสมบัติกันน้ำเป็นครั้งแรก
ในปี 2015 เครื่องช่วยฟังของ Siemens ถูกบริษัท Sivantos เข้าซื้อกิจการ และหลังจากนั้น เครื่องช่วยฟังที่ออกวางจำหน่ายทั้งหมดก็ใช้ชื่อแบรนด์ Signia เป็นชื่อทางการของเครื่องช่วยฟัง
จุดเด่นของ Signia
Signia มุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันระดับไฮเอนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน โดยอาศัยพื้นฐานเทคโนโลยีจาก Siemens มาต่อยอดและสร้างนวัตกรรมใหม่
ในด้านการประมวลผลเสียง ระบบการเชื่อมต่อ และระบบการชาร์จ
ด้านล่างนี้คือเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันที่โดดเด่นที่สุดของ Signia:
เทคโนโลยีประมวลผลเสียง Real Own Voice (OVP)
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงของตนเองอย่างเป็นธรรมชาติขณะสวมใส่เครื่องช่วยฟัง
โดยเครื่องช่วยฟัง Signia จะประมวลผลเสียงพูดของผู้ใช้งานแยกออกจากสภาพแวดล้อมเสียงอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
ทำให้สามารถมอบประสบการณ์การได้ยินที่สมจริงรอบทิศทาง และช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงของตัวเองใกล้เคียงกับเสียงจริงมากที่สุด
เทคโนโลยี Ultra HD e2e
นอกเหนือจากประสบการณ์เสียงพูดที่เป็นธรรมชาติด้วยเทคโนโลยี Real Own Voice แล้ว เทคโนโลยี Ultra HD e2e ยังรองรับระบบการสร้างลำแสงเสียงแบบสองข้าง (Binaural Beamforming) ซึ่งช่วยให้ได้ยินเสียงพูด
ได้อย่างคมชัด แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในการสนทนาแบบใกล้ชิด หรือพูดคุยกับกลุ่มเพื่อน คุณก็สามารถได้ยินทุกเสียงอย่างชัดเจน รวมถึงเสียงของคุณเอง มอบประสบการณ์การฟังที่ใกล้เคียงธรรมชาติในทุกสถานการณ์
การสตรีมเสียงโทรศัพท์ (TwinPhone)
เมื่อผู้ใช้นำโทรศัพท์แนบที่หู เสียงจากโทรศัพท์จะถูกส่งผ่านไปยังเครื่องช่วยฟังทั้งสองข้างพร้อมกัน เช่น
หากใช้หูขวารับสาย หูซ้ายก็จะได้ยินเสียงเดียวกันในเวลาเดียวกันด้วย ฟังก์ชัน TwinPhone นี้ช่วยยกระดับประสบการณ์การสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้ใช้เครื่องช่วยฟังได้อย่างมาก ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
ระบบเสียงเพลงความละเอียดสูง (HD Music)
เป็นที่ทราบกันดีว่า “ดนตรีสด” และ “ดนตรีที่บันทึกไว้” ให้ประสบการณ์การฟังที่แตกต่างกันอย่างมาก
ซึ่ง Signia ได้คำนึงถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ เครื่องช่วยฟังของ Signia จึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการแยกการตั้งค่าสำหรับสภาพแวดล้อมทางดนตรีแต่ละแบบออกจากกัน ไม่ว่าคุณจะกำลังชมการแสดงสด, เล่นเครื่องดนตรีด้วยตัวเอง หรือฟังเพลงที่บันทึกไว้ — คุณก็จะได้รับประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมในทุกสถานการณ์
Signia App
สามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องช่วยฟังได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่งการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ตามความต้องการ นอกจากนี้ Signia App ยังเป็นแอปพลิเคชันเดียวในปัจจุบันที่สามารถควบคุมทิศทาง
ของไมโครโฟนได้ถึง 360 องศา ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าระบบต่าง ๆ ได้ เช่น โปรแกรมของเครื่องช่วยฟัง, ระดับเสียง, การแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำ และโหมดการใช้งานบนเครื่องบิน
Telecare
เป็นแอปที่ออกแบบมาอย่างเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน พร้อมฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถปรับตั้งค่าการได้ยินจากระยะไกลได้ ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับผู้ให้บริการและรับการปรับจูนเครื่องช่วยฟังแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน
ทำให้สะดวกสบายและประหยัดเวลาอย่างมาก
รุ่นเครื่องช่วยฟังชื่อดังของ Signia – Xperience
Xperience เป็นระบบใหม่ล่าสุดที่ Signia เปิดตัวในปี 2019 โดยมาพร้อมเทคโนโลยีเซ็นเซอร์การรับรู้เสียงขั้นสูง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับตัวเข้ากับเสียงรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะต้องปรับตัวใหม่ทุกครั้งที่ย้ายสถานที่ เพราะเทคโนโลยีของ Xperience จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นในทุกวัน
จุดเด่นสำคัญของ Xperience คือ:
การอัปเดตแพลตฟอร์ม Signia X
ในเดือนเมษายน ปี 2020 Signia ได้ประกาศว่าเครื่องช่วยฟังรุ่น Silk, Insio และ Styletto จะได้รับการอัปเกรดให้ใช้แพลตฟอร์ม Xperience รุ่นล่าสุดเช่นกัน ระบบใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเครื่องช่วยฟังสามารถเพลิดเพลิน
กับฟีเจอร์ “เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง” (Acoustic-Motion Sensors) ทำให้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด
ก็สามารถได้ยินเสียงสนทนาและเสียงรอบข้างได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Signia เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการเปิดตัวเครื่องช่วยฟังที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยหลากหลายรุ่น
Styletto
Styletto เป็นหนึ่งในเครื่องช่วยฟังที่ล้ำสมัยที่สุดในตลาดปัจจุบัน ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยว ประสิทธิภาพสูง และคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ Styletto กลายเป็นไอเท็มจำเป็นของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจทั้งการฟังและสไตล์ Styletto เป็นเครื่องช่วยฟังแบบเปิด (Open-fit) ที่มีรูปทรงบางโค้งมน มีให้เลือกหลายสี และได้พลิกโฉมรูปลักษณ์ของเครื่องช่วยฟังแบบเดิม ๆ ให้ดูคล้ายหูฟังบลูทูธทันสมัยมากขึ้น
Styletto ได้ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการชาร์จไฟอย่างเต็มที่ โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จได้รุ่นล่าสุด ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงการฟังสื่อ (media streaming)
ได้นานถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย กล่องชาร์จของ Styletto ยังสามารถเก็บพลังงานสำรอง
ได้สูงสุดถึง 4 วัน ทำให้สะดวกสบายแม้ไม่มีแหล่งชาร์จไฟใกล้ตัว
ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมใดๆ – Styletto สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ iPhone ได้โดยตรงและ
ยังสามารถใช้อุปกรณ์เสริมของ Signia อย่าง StreamLine Mic และ StreamLine TV เพื่อส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายไปยังโทรศัพท์ Android ได้อีกด้วย
Insio
เป็นหนึ่งในเครื่องช่วยฟังขนาดเล็กที่ออกแบบให้ใส่เข้าไปในช่องหูอย่างพอดีและแนบเนียน ทำให้แทบมองไม่เห็นจากภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความสบายในการใช้งานในแต่ละวัน มีให้เลือกทั้งแบบ ITE (In-The-Ear) และ ITC (In-The-Canal)โดยออกแบบตามลักษณะเฉพาะของช่องหูผู้ใช้งาน
ทำให้ใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย และสวมใส่สบายตลอดวัน พร้อมทั้งให้เสียงที่คมชัดและเป็นธรรมชาติด้วยเทคโนโลยี Signia Xperience ที่ประมวลผลเสียงรอบข้างได้อย่างชาญฉลาด
รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านอุปกรณ์เสริม เช่น StreamLine Mic และ StreamLine TV
เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและทีวีได้แบบไร้สาย โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ iPhone
หรือสมาร์ทโฟน Android ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Media Streaming ได้อย่างราบรื่น
Pure
Pure รวมข้อดีทั้งหมดจากรุ่นก่อนหน้าของ Signia Nx และเพิ่มฟังก์ชันการชาร์จแบบไร้สาย
เพื่อให้ใช้งานสะดวกสบายสูงสุด การออกแบบให้ชาร์จได้แบบไม่ต้องสัมผัส (ไร้สาย) ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวล
กับการเปลี่ยนถ่านอีกต่อไป เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และมั่นใจได้ว่าเครื่องช่วยฟังจะพร้อมใช้งานในทุกเช้า Pure ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีประมวลผลเสียงเฉพาะของ Signia ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงธรรมชาติได้ตลอดทั้งวันและตอนนี้ Digibionic มีจำหน่ายรุ่นล่าสุด Pure Charge&Go AX ที่พัฒนาไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี Augmented Xperience (AX) ซึ่งมาพร้อมระบบประมวลผลเสียง AX ที่แยกเสียงพูดได้แม่นยำกว่าเดิม พร้อมระบบชาร์จไร้สายที่ใช้งานสะดวกสุด ๆ ใครที่ต้องการเครื่องช่วยฟังที่ทั้งคมชัดและใช้งานง่าย
Motion
เครื่องช่วยฟังแบบคล้องหลังหู Motion Nx จาก Signia ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัว
ในการใช้งาน และการเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมเทคโนโลยีประมวลผลเสียงของ Signia Nx (OVP) จะประมวลผลเสียงของผู้ใช้และเสียงรอบข้างแยกจากกัน เพิ่มความแม่นยำในการรับรู้เสียงพูดของตัวเอง รวมถึงปรับปรุงการเชื่อมต่อ
กับอุปกรณ์ Bluetooth เช่น โทรทัศน์และสมาร์ตโฟน และเพิ่มความสามารถในการควบคุมเครื่องช่วยฟัง
ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ และตอนนี้ Digibionic ยังมีรุ่นใหม่ล่าสุด Motion Charge&Go X รุ่นนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของ Motion Nx โดยเพิ่มเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมชาร์จได้ในตัว ใช้งานได้ทั้งวันไม่ต้องเปลี่ยนถ่าน ช่วยให้คุณได้ยินเสียงชัดเจนแม้ขณะเดิน พูด หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
Silk
Silk X และ Silk IX คือเครื่องช่วยฟังประเภท CIC (Completely-In-Canal) ที่ใส่เข้าไปในรูหูโดยตรง ซึ่งคำว่า “CIC คือ” ย่อมาจากเครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหูขนาดเล็กที่สุด ให้ความแนบเนียนเป็นพิเศษ
Signia Silk X
Signia Silk X เครื่องช่วยฟังดิจิทัลแบบใส่ในรูหู (CIC) ขนาดเล็กจิ๋ว สวมใส่แนบเนียนจนแทบมองไม่เห็น
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังใส่เครื่องช่วยฟัง
Silk X มาพร้อมเทคโนโลยี Xperience ที่ออกแบบมาเพื่อให้เสียงพูดคมชัด และยังคงความเป็นธรรมชาติของเสียงรอบข้าง เครื่องจะปรับเสียงโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม เช่น เมื่ออยู่ในที่เงียบหรือที่ที่มีเสียงรบกวน ก็สามารถฟังเสียงได้ชัดเจนโดยไม่ต้องกดเปลี่ยนโหมดเอง ด้วยดีไซน์ทันสมัย ใส่สบายโดยไม่ต้องพิมพ์หู และขนาดกะทัดรัด Silk X จึงเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องช่วยฟังที่ทั้งแนบเนียน และให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
Signia Silk IX
Signia Silk IX คือเครื่องช่วยฟังรุ่นล่าสุดจากตระกูล Silk ที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
Integrated Xperience ช่วยให้การประมวลผลเสียงพูดรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อม
ที่มีเสียงรบกวน ยังคงจุดเด่นเรื่องดีไซน์เล็กจิ๋วแบบใส่ในรูหู (CIC) สวมใส่แนบเนียนโดยไม่ต้องพิมพ์หู เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจแบบเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังใส่เครื่องช่วยฟัง จุดเด่นอีกอย่างของ
Silk IX คือสามารถปรับแต่งเสียงระยะไกลผ่านระบบ TeleCare โดยผู้เชี่ยวชาญได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยให้ใช้งาน
ได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเดินทางกลับร้าน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูทีวี แต่รู้สึกว่าเสียงไม่ชัดเจนพอ STREAMLINE TV คือคำตอบ
StreamLine Mic คือคำตอบ อุปกรณ์เล็ก ๆ นี้จะเปลี่ยนวิธีที่คุณสื่อสารไปอย่างสิ้นเชิง
ศูนย์บริการเครื่องช่วยฟัง รุ่นใหม่ล่าสุดดีที่สุดปี 2568 เครื่องช่วยฟังรุ่นใหม่ล่าสุด!
Head Office 3,5 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
เปิดทำการวันจันทร์-วันเสาร์ 09:00-18:00 น.
สำรองคิวล่วงหน้าหากต้องการมาในวันอาทิตย์
copyright © digibionic 2023 all rights reserved
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า