1. ต้องตรวจการได้ยินก่อนซื้อไหม?

จำเป็นต้องตรวจการได้ยินก่อนเสมอ การได้ยินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การตรวจจะช่วยให้ทราบระดับการสูญเสียการได้ยิน และทำให้เลือกเครื่องที่เหมาะกับคุณที่สุด

2. การสูญเสียการได้ยินสืบทอดทางพันธุกรรมได้ไหม?

ได้ค่ะ ในบางครอบครัวพบว่ามีความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวกับระบบการฟัง ทำให้มีโอกาสถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกหลานได้

3. ทำไมบางคนได้ยินเสียงดังแต่ฟังคำพูดไม่รู้เรื่อง?

เพราะความสามารถในการ “แยกคำพูด” ลดลง แม้ระดับเสียงจะดังพอ แต่อวัยวะรับเสียงเสื่อมหรือสมองประมวลผลเสียงได้ไม่เหมือนเดิม เครื่องช่วยฟังคุณภาพดีช่วยได้ค่ะ

4. ถ้าตรวจแล้วพบว่าหูตึง ต้องใส่เครื่องช่วยฟังทันทีไหม?

ขึ้นอยู่กับระดับการได้ยินค่ะ ถ้าเป็นระดับที่กระทบการใช้ชีวิตหรือเสียงสนทนาไม่ชัด แนะนำให้เริ่มใช้ทันทีเพื่อไม่ให้สมองเสื่อมการรับเสียงค่ะ

1. เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่? ทำไมราคาจึงต่างกันมาก?

– ราคามีตั้งแต่ หลักพัน–หลักแสน ขึ้นกับระบบประมวลผลเสียง, การตัดเสียงรบกวน, Bluetooth, App ใช้ปรับระดับเสียง

– แบรนด์ระดับพรีเมียมมักมี AI ช่วยประมวลเสียงและปรับอัตโนมัติในหลายสภาพแวดล้อม เช่น Signia Silk C&G IX  , เครื่องช่วยฟังบลูทูธ GoodhearingT1

2. เครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่านกับชาร์จไฟแบบไหนดีกว่า?

เครื่องช่วยฟังแบบใส่ถ่าน ใช้งานง่ายกว่าและไวกว่า สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องได้ 5-7 วัน  แต่เครื่องช่วยฟังแบบชาจไฟอาจจะชาร์จทุกวัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการเลือกใช้งาน

3. การใช้เครื่องช่วยฟังจะทำให้หูเสื่อมมากขึ้นไหม? 

ไม่ทำให้เสื่อมเพิ่มค่ะ เครื่องช่วยฟังช่วยกระตุ้นสมองและช่วยให้สื่อสารง่ายขึ้น การปรับเสียงอย่างถูกต้องตามผู้เชี่ยวชาญสำคัญมากค่ะ

4. ถ้ามีเสียงวิ้งในหู เครื่องช่วยฟังช่วยได้ไหม?

ช่วยได้ค่ะ หลายรุ่นมีโปรแกรมลดเสียงรบกวนหรือเทคนิคสำหรับ tinnitus ช่วยให้รบกวนน้อยลง

5.  ต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอดเวลาไหม?

แนะนำให้ใส่ทุกวันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อให้สมองคุ้นกับเสียง และเห็นผลลัพธ์ดีที่สุดค่ะ

6. เปลี่ยนเครื่องช่วยฟังเก่าเป็นใหม่ได้ไหม?

ที่ Digibionic ทำได้ค่ะ สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดสำหรับซื้อเครื่องใหม่ รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท