เครื่องช่วยฟังมีเสียงแปลกๆ เกิดได้จากหลายสาเหตุ
นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นเพื่อช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

  1. ตรวจสอบแบตเตอรี่ ว่าแบตเตอรี่ของเครื่องช่วยฟังยังมีพลังงานเพียงพอหรือไม่ หากแบตเตอรี่ต่ำอาจทำให้เสียงไม่ปกติ
  1. ทำความสะอาดเครื่องช่วยฟัง อาจมีคราบไขมันหรือสิ่งสกปรกสะสมที่ทำให้เสียงขาดหายหรือแปลก ๆ ใช้แปรงที่ให้มากับเครื่องช่วยฟังทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของเครื่องอย่างระมัดระวัง
  1. ตรวจสอบสายและอุปกรณ์เสริม หากเครื่องช่วยฟังมีสายหรืออุปกรณ์เสริม ตรวจสอบว่ามีการเชื่อมต่อที่ดีหรือไม่ สายอาจขาดหรือมีปัญหาในการเชื่อมต่อ
  1. ปรับตั้งค่าเสียง บางครั้งการตั้งค่าของเครื่องช่วยฟังอาจถูกปรับเปลี่ยนโดยไม่ได้ตั้งใจ ลองตรวจสอบและปรับตั้งค่าเสียงใหม่
  1. ตรวจสอบสภาพของจุกหูฟัง/พิมพ์หู จุกหูฟัง/พิมพ์หู (earmold) อาจมีปัญหาหรือไม่พอดีกับหู ทำให้เกิดเสียงสะท้อนหรือเสียงแปลก ๆ ลองปรับหรือเปลี่ยนจุกหูฟัง/พิมพ์หูใหม่
  1. รีเซ็ตเครื่องช่วยฟัง ลองปิดและเปิดเครื่องใหม่ หรือทำการรีเซ็ตตามคู่มือการใช้งานของเครื่องช่วยฟัง
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากทำทุกขั้นตอนแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ควรนำเครื่องช่วยฟังไปให้ผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

การตรวจสอบเบื้องต้นนี้อาจช่วยแก้ไขปัญหาหรือระบุสาเหตุของเสียงแปลก ๆ ได้ หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม กรุณาบอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่พบเพื่อให้สามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมมากขึ้นได้ค่ะ

กราฟการได้ยิน (Audiogram) คืออะไร?

กราฟการได้ยินเป็นแผนภูมิที่แสดงผลการทดสอบการได้ยิน โดยใช้แสดงความสามารถในการได้ยินเสียงที่ความถี่ต่าง ๆ และระดับความดังที่แตกต่างกัน

ส่วนประกอบของกราฟการได้ยิน:

  1. แกนแนวนอน (X-axis) แสดงความถี่ของเสียง (ในหน่วย Hz – เฮิรตซ์) เริ่มจากความถี่ต่ำที่ด้านซ้ายไปยังความถี่สูงที่ด้านขวา
  • ความถี่ต่ำ (125, 250, 500 Hz)
  • ความถี่กลาง (1000, 2000 Hz)
  • ความถี่สูง (4000, 8000 Hz)
  1. แกนแนวตั้ง (Y-axis) แสดงระดับความดังของเสียง (ในหน่วย dB – เดซิเบล) โดยมีระดับความดังเพิ่มขึ้นจากด้านบนลงล่าง
  • ระดับเสียงเบา (-10 ถึง 30 dB)
  • ระดับเสียงปานกลาง (40 ถึง 70 dB)
  • ระดับเสียงดัง (80 dB ขึ้นไป)

 วิธีการอ่านกราฟการได้ยิน:

  • จุดแต่ละจุดบนกราฟแสดงถึงระดับความดังของเสียงที่บุคคลสามารถได้ยินที่ความถี่นั้น ๆ
  • ใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อแสดงผลการทดสอบหูขวาและหูซ้าย
  • หูขวา: มักใช้สัญลักษณ์ “O” และอาจใช้สีแดง
  • หูซ้าย: มักใช้สัญลักษณ์ “X” และอาจใช้สีน้ำเงิน

ตัวอย่างการแปลความหมายของกราฟการได้ยิน:

  • หากจุดบนกราฟอยู่ที่ระดับ 0-20 dB ที่ทุกความถี่ แสดงว่าการได้ยินอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หากจุดบนกราฟตกลงไปในช่วง 40-60 dB ที่ทุกความถี่ แสดงว่ามีการสูญเสียการได้ยินระดับปานกลาง
  • ถ้าจุดบนกราฟต่ำกว่า 80 dB ที่ความถี่สูง ๆ แสดงว่ามีการสูญเสียการได้ยินระดับรุนแรงที่ความถี่สูง

การใช้กราฟการได้ยินในการปรับเครื่องช่วยฟัง:

  • ใช้ข้อมูลจากกราฟการได้ยินในการปรับตั้งค่าเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับการได้ยินของผู้ใช้
  • ปรับระดับความดังของเสียงให้เหมาะสมกับความถี่ที่ผู้ใช้มีปัญหาการได้ยิน

การทำความเข้าใจกับกราฟการได้ยินจะช่วยให้คุณสามารถปรับเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการช่วยฟังเสียงต่าง ๆ ได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด

การรู้ระดับเดซิเบล (dB) ของเสียงต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

สามารถช่วยให้เราทราบถึงความดังของเสียงที่เราได้ยินและผลกระทบต่อการได้ยินของเรา นี่คือตัวอย่างของเสียงที่พบในชีวิตประจำวันและระดับเดซิเบลโดยประมาณ

  1. เสียงหายใจเบา ๆ : 10 dB
  2. เสียงใบไม้หล่น:20-30 dB
  3. เสียงกระซิบ เสียงตู้เย็นทำงาน : 30-40 dB
  4. เสียงฝนตก การสนทนาปกติ : 50-60 dB
  5. เสียงรถยนต์ รถบรรทุก เสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงนกหวีด : 70-80 dB
  6. เสียงไดเป่าผม เครื่องตัดหญ้า เสียงในโรงงาน : 90-100dB
  7. เสียงเครื่องจักร เสียงไซเรน เสียงประทัด  เสียงจุดพลุ  เสียงดนตรีในผับ เสียงคอนเสิร์ตร็อก : 110-120 dB
  1. เสียงเจ็ทที่ขึ้นบิน (ระยะใกล้) เสียงปืนหรือประทัด : 130-140 dB
  2. เสียงจรวดขณะที่ปล่อยขึ้นสู่อวกาศ : 150-160 dB

ผลกระทบของเสียงต่อการได้ยิน

  • เสียงที่ระดับ 70 dB หรือต่ำกว่า : ปลอดภัยสำหรับการฟังระยะยาว ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อการได้ยิน
  • เสียงที่ระดับ 85 dB ขึ้นไป : หากฟังเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินได้ แนะนำให้จำกัดเวลาในการฟังเสียงที่ดังขนาดนี้
  • เสียงที่ระดับ 120 dB ขึ้นไป : สามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อการได้ยินได้ทันทีแม้ฟังในระยะเวลาสั้น ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ที่ป้องกันหู

การป้องกันการสูญเสียการได้ยิน

  • ใช้ที่ป้องกันหู : เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น งานก่อสร้าง คอนเสิร์ต หรือสนามบิน
  • ลดระดับเสียง : ในการใช้หูฟังหรือการฟังเสียงจากอุปกรณ์ต่าง ๆ
  • พักหู : หยุดพักการฟังเสียงดังเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อป้องกันการเสียหายของหู

การรู้และเข้าใจระดับเดซิเบลของเสียงในชีวิตประจำวันจะช่วยให้คุณสามารถดูแลการได้ยินของคุณได้ดีขึ้นและป้องกันการสูญเสียการได้ยินในระยะยาว

กราฟการได้ยินมีความสำคัญอย่างมากในการทำความเข้าใจและจัดการกับการได้ยินของบุคคลในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่กราฟการได้ยินสำคัญ:

  1. การวินิจฉัยและประเมินการสูญเสียการได้ยิน

กราฟการได้ยินช่วยให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินสามารถระบุระดับและประเภทของการสูญเสียการได้ยินได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสามารถจำแนกเป็นการสูญเสียการได้ยินระดับเบา ปานกลาง รุนแรง หรือรุนแรงมาก

  1. การปรับแต่งเครื่องช่วยฟัง

ผลจากกราฟการได้ยินจะถูกใช้ในการปรับแต่งเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับการได้ยินของแต่ละบุคคล เครื่องช่วยฟังจะถูกตั้งค่าให้ขยายเสียงที่ความถี่และระดับความดังที่ผู้ใช้มีปัญหาในการได้ยิน

  1. การเลือกอุปกรณ์ช่วยฟังที่เหมาะสม

กราฟการได้ยินช่วยในการเลือกประเภทของอุปกรณ์ช่วยฟังที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยฟังประเภทไหนหรืออุปกรณ์ช่วยฟังเสริมอื่น ๆ ที่อาจจะต้องใช้เพื่อช่วยในการฟัง

  1. การวางแผนการรักษาและการบำบัด

ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้ข้อมูลจากกราฟการได้ยินในการวางแผนการรักษาและการบำบัดเพื่อปรับปรุงการได้ยิน หรือใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อช่วยในการฟังและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

  1. การประเมินผลของการบำบัดหรือการรักษา

กราฟการได้ยินสามารถใช้ในการติดตามและประเมินผลของการบำบัดหรือการใช้เครื่องช่วยฟัง เพื่อดูว่าการได้ยินมีการปรับปรุงหรือไม่ และปรับแผนการรักษาตามความต้องการ

  1. การสร้างความเข้าใจในสภาพการได้ยินของตนเอง

ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินสามารถใช้กราฟการได้ยินเพื่อทำความเข้าใจสภาพการได้ยินของตนเองได้ดีขึ้น และตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการสูญเสียการได้ยินเพิ่มเติม

  1. การให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวัน

ข้อมูลจากกราฟการได้ยินช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น การเลือกสถานที่ที่เหมาะสมในการสนทนา การใช้เทคโนโลยีช่วยฟังในสถานการณ์ต่าง ๆ หรือการหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงดังมากเกินไป

กราฟการได้ยินเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการกับปัญหาการได้ยินในชีวิตประจำวัน โดยให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการวินิจฉัย การปรับแต่งเครื่องช่วยฟัง การวางแผนการรักษา และการให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ

การวิเคราะห์เสียงจากเครื่องช่วยฟังเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องช่วยฟังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ นี่คือขั้นตอนและวิธีการวิเคราะห์เสียงจากเครื่องช่วยฟัง

  1. ประเมินเบื้องต้น
  • ฟังเสียงจากเครื่องช่วยฟัง : ตรวจสอบว่าเครื่องช่วยฟังสามารถขยายเสียงและทำงานได้ตามปกติหรือไม่ โดยฟังเสียงจากเครื่องช่วยฟังโดยตรง
  • สอบถามลูกค้า : ฟังความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับประสบการณ์ในการใช้เครื่องช่วยฟัง เช่น ความชัดเจนของเสียง ความสะดวกสบายในการสวมใส่ และปัญหาที่พบ
  1. การทดสอบเสียงด้วยเครื่องมือ
  • Real-Ear Measurement (REM) : ใช้เครื่องมือวัดเพื่อทดสอบการตอบสนองของเครื่องช่วยฟังในหูของผู้ใช้ การวัดนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขยายเสียงของเครื่องช่วยฟังในสภาพแวดล้อมจริง
  • การทดสอบในห้องเสียง : ทำการทดสอบเครื่องช่วยฟังในห้องที่ควบคุมเสียงเพื่อวัดการขยายเสียงและการตอบสนองความถี่ของเครื่อง
  1. การปรับแต่งและการตั้งค่า
  • ปรับแต่งการตั้งค่าเสียง : ใช้ข้อมูลจากการทดสอบเพื่อปรับแต่งการตั้งค่าเครื่องช่วยฟัง เช่น ระดับความดังที่เหมาะสมสำหรับความถี่ต่างๆ
  • ใช้โปรแกรมการตั้งค่า : เครื่องช่วยฟังบางรุ่นมาพร้อมกับโปรแกรมการตั้งค่าที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งการทำงานของเครื่องได้อย่างละเอียด
  1. การทดสอบการได้ยินกับเครื่องช่วยฟัง
  • การทดสอบเสียงพูด (Speech Testing) : ใช้การทดสอบเสียงพูดในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน เพื่อประเมินความสามารถของเครื่องช่วยฟังในการขยายเสียงพูดและลดเสียงรบกวน
  • การทดสอบในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ : ทดสอบเครื่องช่วยฟังในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น สถานที่ที่มีเสียงเบา เสียงปานกลาง และเสียงดัง เพื่อดูว่าเครื่องช่วยฟังตอบสนองอย่างไรในสภาพแวดล้อมเหล่านั้น
  1. การติดตามผลและการปรับปรุง
  • การติดตามผลการใช้งาน : ให้ลูกค้าทดลองใช้เครื่องช่วยฟังในชีวิตประจำวันและกลับมาตรวจสอบผลการใช้งาน
  • การปรับปรุงการตั้งค่า : หากลูกค้าพบปัญหาหรือมีข้อแนะนำในการใช้งาน สามารถทำการปรับปรุงการตั้งค่าเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ
  1. การใช้เทคโนโลยีเสริม
  • แอปพลิเคชันมือถือ : บางเครื่องช่วยฟังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันมือถือเพื่อปรับแต่งการตั้งค่าและตรวจสอบการทำงานได้
  • การตรวจสอบระยะไกล (Remote Assistance) : บางกรณีสามารถใช้การตรวจสอบและปรับแต่งเครื่องช่วยฟังจากระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต

การวิเคราะห์เสียงจากเครื่องช่วยฟังเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความละเอียดในการตรวจสอบและปรับแต่ง การใช้เครื่องมือทดสอบและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องช่วยฟังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดีที่สุด

เครื่องช่วยฟังดิจิตอลมีหลายประเภทและราคาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและคุณภาพของอุปกรณ์ ประเภทหลัก ๆ ของเครื่องช่วยฟังดิจิตอลมีดังนี้

  1. เครื่องช่วยฟังแบบสอดหู (In-the-Ear, ITE)
  • ข้อดี : มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และไม่สะดุดตา ใช้งานสะดวก
  • ข้อเสีย : เนื่องจากขนาดเล็ก อาจจะมีปุ่มควบคุมและแบตเตอรี่ที่เล็กกว่า ทำให้ใช้งานได้ไม่นานเท่าเครื่องใหญ่
  1. เครื่องช่วยฟังแบบคล้องหู (Behind-the-Ear, BTE)
  • ข้อดี : มีประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานที่หลากหลายและสามารถปรับแต่งได้ง่าย
  • ข้อเสีย : มีขนาดใหญ่กว่าแบบสอดหู และอาจจะมองเห็นได้ง่าย
  1. เครื่องช่วยฟังแบบ In-the-Canal (ITC) และ Completely-in-Canal (CIC)
  • ข้อดี : ขนาดเล็กและไม่สะดุดตา
  • ข้อเสีย : มักจะมีปุ่มควบคุมและแบตเตอรี่ที่เล็กกว่า และอาจจะมีราคาแพงกว่า

เรื่องเสียงที่แตกต่างกัน:

  • เครื่องช่วยฟังแบบสอดหูอาจให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและชัดเจนมากขึ้นเพราะอยู่ใกล้กับช่องหู
  • เครื่องช่วยฟังแบบคล้องหูอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่าในด้านการขยายเสียง และมักจะมีฟังก์ชันเพิ่มเติมเช่น การตัดเสียงรบกวน

เรื่องราคาขึ้นอยู่กับฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น:

  • การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านบลูทูธ
  • ระบบตัดเสียงรบกวน
  • ฟังก์ชันการปรับแต่งเสียงอัตโนมัติ

การเลือกเครื่องช่วยฟังควรพิจารณาจากความต้องการและงบประมาณของคุณ รวมถึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

ให้ผู้คนได้สัมผัสความสวยงามของเครื่องช่วยฟังและได้ยินเสียงความรักของครอบครัวอีกครั้ง
หากคุณต้องการแบ่งปันความรักกับ Digibionic โปรดติดต่อเรา…

ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

โทรจองคิวรับบริการที่ 02-115-0568

บริการให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน และการดูแลรักษาช่องหูที่ถูกวิธี ท่านใดสนใจทดสอบการได้ยิน หรือสนใจเครื่องช่วยฟัง สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาที่ Digibionic เราพร้อมบริการทุกสาขา

บทความน่าสนใจ

"มือใหม่ต้องดู" คำแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ

3 วิธีในการเลือกเครื่องช่วยฟัง เครื่องช่วยฟังที่ราคาแพงมีคุณสมบัติมากมาย แต่เครื่องช่วยฟังราคาแพงอาจไม่เหมาะกับคุณ!

ราคาเครื่องช่วยฟัง 2024?

ทำไมราคาเครื่องช่วยฟังแต่ละรุ่นจึงแตกต่างกัน ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงขึ้นคือ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา รวมถึงความสามารถของเครื่องช่วยฟัง

การเลือกเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันพบว่าผู้สูงอายุมีปัญหาทางด้านหัวตึงประสาทหูเสื่อมมากถึงร้อยละ 80 ของผู้สูงอายุทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อายุ 60 – 80 ปี โดยจะพบปัญหาประสาทหูเสื่อม

อย่าลืมกดติดตามเพจ เครื่องช่วยฟัง Hearing Aids Digibionic
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารกิจกรรมและโปรโมชันของเรานะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save