บทที่ 1 ภัยเงียบจากการเสื่อมการได้ยิน
อาจพรากความจำของคุณไป

เริ่มใส่ใจสุขภาพการได้ยินให้มากขึ้น

ในฐานะของแพทย์ โดยทั่วไปคุณอาจเริ่มจากกระบวนการสอบถามข้อมูลผู้ป่วยว่าเคยทดสอบการได้ยินหรือไม่.และนอกจากส่งต่อผู้ป่วยไปยังกระบวนการทดลองประสบการณ์การได้ยินพร้อมผลักดันส่งเสริมการเข้ารักษาแก้ไขปัญหาการได้ยิน แพทย์ยังควรที่จะต้องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการละเลยความเสี่ยงของปัญหาสูญเสียการได้ยิน รวมถึงชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของโอกาสที่จะการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต

“ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินมีโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ได้มากกว่าผู้ที่ได้ยินปกติ…จากการวิจัยของเราพบว่าการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเพื่อเร่งรีบแก้ไขปัญหาการสูญเสียนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก”

การละเลยความเชื่อมโยงระหว่างการสูญเสียการได้ยินกับการเกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

การวิจัยหลายรายการชี้ให้เห็นว่าการสูญเสียการได้ยินอาจเป็นอาการเริ่มแรกของโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นการเพิกเฉยต่อการรักษาการสูญเสียการได้ยินอาจส่งผลทำให้ความสามารถในการรับรู้ของผู้ป่วยลดลง และทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการพึ่งพาตนเอง การจัดให้ผู้ป่วยตรวจการได้ยินและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยลดผลกระทบด้านลบต่อความสามารถในการรับรู้ที่เกิดจากการสูญเสียการได้ยินได้

ผลงานวิจัยของ ดร.แฟรงค์ แมคลินน์  เกี่ยวกับปัญหาการสูญเสียการได้ยินและความสามารถในการรับรู้ งานวิจัยนี้มักถูกผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนนำไปอ้างอิง โดยงานวิจัยนี้ใช้ระยะเวลา 6 ปีในการสังเกตการณ์กลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 1,984 คน ที่มีอายุเฉลี่ย 77 ปี และติดตามการสูญเสียการได้ยินและการพัฒนาความสามารถในการรับรู้ของพวกเขา เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียการได้ยินและการเสื่อมถอยของการรับรู้

ข้อสรุปของงานวิจัยระบุว่า ถึงแม้ว่าจะต้องทำการศึกษาต่อไปเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงนี้อย่างแน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้คือ การสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะทำให้พวกเขาสูญเสียการรับรู้และสุขภาพจิต นอกจากนี้ งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ยิ่งการสูญเสียการได้ยินรุนแรงมากเท่าไร ความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการรับรู้ก็จะสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเสื่อมถอยทางสติปัญญาที่รุนแรงขึ้น และการวิจัยค้นพบว่ามีแนวโน้มที่ความเสี่ยงอาจเกิดความบกพร่องทางการรับรู้โดยเริ่มตั้งแต่ในผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อย

งานวิจัยยังค้นพบอีกว่า การสูญเสียการได้ยินอาจเร่งให้สมองหดตัวลง (การหดตัวของเนื้อสมองสีเทา) และยิ่งทำให้สมองแย่ลงในการประมวลผลทางภาษา การใช้เครื่องช่วยฟังอาจช่วยให้สามารถกระตุ้นการได้ยินได้ดีขึ้นและช่วยปกป้องสมองไม่ให้เสื่อมถอยไป

ในเดือนมกราคม 2014 โดย ดร.แฟรง แมคลินน์และทีมงาน ได้ทำการวิจัยเปรียบเทียบสมองของผู้ที่มีการได้ยินปกติกับผู้ที่สูญเสียการได้ยิน ผลงานวิจัยใหม่นี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้ทำการติดตามผลผู้เข้าร่วมจำนวน 126 คนตลอดระยะเวลา10ปี และทำการเข้าเครื่องตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ทุกปี

จากการเปรียบเทียบผู้ที่ได้ยินปกติ 75 คน กับผู้ที่มีการสูญเสียการได้ยิน 51 คน พบว่าผู้ที่สูญเสียการได้ยินเริ่มมีการหดตัวของเนื้อสมองสีเทาอย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีการสูญเสียเนื้อสมองเกินกว่าหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรในส่วนของสมองที่รับผิดชอบการประมวลผลเสียงและโครงสร้างการรับรู้ทางภาษา นอกจากนี้ การหดตัวของเนื้อสมองยังส่งผลต่อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและการทำงานของระบบประสาทสัมผัสที่สำคัญ เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีการสูญเสียเนื้อสมองในบริเวณเดียวกัน

ผลกระทบของการสูญเสียการได้ยินที่ไม่เพียงส่งผลต่อรายได้ที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ด้อยลง รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับความวิตกกังวลและปัญหาการรับรู้อีกด้วย

ความสำคัญของการวินิจฉัยและรักษาการสูญเสียการได้ยินในระยะแรก
ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์

เนื่องจากการสูญเสียการได้ยินเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ ข้อมูลที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าการปล่อยให้สูญเสียการได้ยินเรื้อรังโดยไม่รักษามีผลกระทบที่รุนแรงระยะยาว ซึ่่งสำคัญมาก.โดยเฉลี่ยแล้ว หลังจากผู้ที่มีปัญหาการได้ยินพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาการรับรู้ แต่ปล่อยผ่านไปเป็นเวลา 7 ปีถึงจะยอมเข้ารับการรักษา. ดังนั้น การตรวจพบปัญหาการได้ยินและเข้ารับการรักษาในช่วงแรกอย่างทันท่วงที จะช่วยรักษาการได้ยินให้คงไว้ได้ การวินิจฉัยและรักษาในระยะแรกสามารถชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ได้ แพทย์ควรสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทันทีที่พบปัญหาการสูญเสียการได้ยิน

เมื่อใช้เครื่องช่วยฟังในการรักษาและป้องกันการสูญเสียการได้ยินนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการได้ยินแล้ว ยังอาจช่วยป้องกันการหดตัวของสมองและภาวะบกพร่องทางการรับรู้ได้อีกด้วย

ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2050

ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ศูนย์การได้ยิน Digibionic เรามีบริการครบครัน

ไม่ว่าจะเป็นการตรวจการได้ยิน ทดลองเครื่องช่วยฟัง ให้คำปรึกษาด้านการได้ยินโดยไม่มีค่าใช้งาน และยังมีบริการถึงบ้านในเขตกรุงเทพฯสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเข้ามาที่สาขาอีกด้วย ตอนนี้เรามีสาขาทั่วกรุงเทพฯที่พร้อมให้บริการคุณอย่างสะดวก ดังนี้
1. สาขาเสนานิคม
2. สาขาสามยอด
3. สาขาสะพานควาย
4. สาขาอุดมสุข
5. สาขาบางกะปิ
6. สาขาบางแค

ทุกสาขาของเรามีผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์ในการให้คำแนะนำและบริการที่ดีที่สุด การเข้ามาที่ศูนย์การได้ยิน Digibionic จะช่วยให้คุณได้รับการประเมินการได้ยินที่ละเอียดและคำแนะนำที่ตรงตามความต้องการของคุณ อย่ารอช้าที่จะติดต่อศูนย์การได้ยิน Digibionic ที่ใกล้คุณ หรือโทร 02-115-0568 เพื่อจองการนัดหมาย
เราพร้อมทำให้คุณสามารถเพลิกเพลินกับเสียงรอบข้างได้อย่างเต็มที่และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

บทความน่าสนใจ

บทที่ 2 ควรเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพการได้ยิน

ผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยินในความถี่ต่ำถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

บทที่ 3 หกล้มบ่อย? การสูญเสียการได้ยินอาจเป็นสาเหตุ!

แพทย์มักจะตรวจสอบผู้สูงอายุเป็นประจำ โดยแนะนำให้ตรวจสอบสายตา ควบคุมยาที่ใช้ เพื่อดูว่ายามีผล…

บทที่ 4 เชื่อมโยงการได้ยินกับเบาหวาน ความรู้ที่คุณไม่ควรพลาด!

ในฐานะแพทย์ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการสอบถามผู้ป่วยว่าพวกเขาเคยรับการตรวจการได้ยินหรือไม่

อย่าลืมกดติดตามเพจ เครื่องช่วยฟัง Hearing Aids Digibionic
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารกิจกรรมและโปรโมชันของเรานะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save