วิธีการปรับเสียงเครื่องช่วยฟังรุ่น Vibe Nano8

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำเครื่องช่วยฟังรุ่น Vibe Nano8 และวิธีการปรับเสียง Vibe Nano 8 เป็นเครื่องช่วยฟังขั้นสูงที่รอบคอบซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีความสูญเสียการได้ยินเล็กน้อยถึงปานกลาง คุณสมบัติหลักและคุณประโยชน์ของ Vibe Nano 8 มีดังนี้

ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Vibe Nano 8 ให้ตรงกับความต้องการด้านการได้ยินเฉพาะของตนเองได้โดยใช้แอพสมาร์ทโฟน แอปช่วยให้สามารถปรับระดับเสียง เสียงทุ้มและเสียงแหลมได้ และมีโปรแกรมการฟังที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การปรับแต่งโดยละเอียดสามารถทำได้ที่โรงพยาบาลหรือศูนย์การได้ยิน Digibionic ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งในการปรับแต่งเครื่องช่วยฟัง Vibe Nano 8 ผ่านแอพพลิเคชั่นการปรับเสียงจากกราฟการได้ยิน (audiogram) เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เครื่องช่วยฟังสามารถปรับเสียงให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานโดยอ้างอิงตามการได้ยินของแต่ละบุคคล นี่คือขั้นตอนทั่วไปในการปรับเสียงจากกราฟการได้ยิน

ขั้นตอนการปรับเสียงจากกราฟการได้ยิน

  1. เตรียมกราฟการได้ยิน (Audiogram)
    • รับการทดสอบการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เช่น นักโสตสัมผัสวิทยาหรือแพทย์เฉพาะทาง
    • ได้รับกราฟการได้ยินที่แสดงผลการได้ยินในแต่ละความถี่และระดับความดัง

(หากผู้ใช้ไม่มีกราฟการได้ยินสามารถตรวจการได้ยินได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือศูนย์บริการการได้ยินDigibionic โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)

  1. ผู้เชี่ยวชาญจะกรอกกราฟการได้ยินลงในโปรแกรมสำหรับการปรับแบบละเอียด
    • ป้อนข้อมูลจากกราฟการได้ยินลงในแอพพลิเคชั่นโดยระบุระดับการได้ยินในแต่ละความถี่ (เช่น 250 Hz, 500 Hz, 1000 Hz, 2000 Hz, 4000 Hz, 8000 Hz)
    • ระบุระดับความดังที่ได้ยิน (เช่น 20 dB, 40 dB, 60 dB) ในแต่ละความถี่ตามกราฟการได้ยินของคุณทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ดังภาพด้านล่าง

จากนั้นสามารถเข้าไปปรับความละเอียดเสียงในส่วนต่างๆ เช่น ความดัง สมดุลเสียง เสียงสนทนา เสียงพูดของตนเอง เสียงหวีด

จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะช่วยแนะนำว่าการได้ยินของผู้ใช้เหมาะสมกับโปรไฟล์เสียงไหน

การเลือกโปรไฟล์เสียงที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละคน โดยสรุปดังนี้

  • P1 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการลดเสียงทุ้มเบา ๆ โดยไม่ต้องการลดเสียงมากเกินไป
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบ หรือผู้ที่ต้องการให้เสียงทุ้มมีความชัดเจนมากขึ้น
  • P2 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับต่ำ
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ที่มีเสียงรบกวนน้อย หรือในบ้าน
  • P3 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนปานกลาง หรือในที่ทำงาน
  • P4 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ทำงาน หรือในที่ที่มีเสียงรบกวนปานกลาง
  • P5 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูง หรือในสถานที่ที่มีเสียงดัง
  • P6 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่มีเสียงดังมาก เช่น ในงานแสดงคอนเสิร์ต หรือตลาดนัดที่มีคนเยอะ

การเลือกโปรไฟล์ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งเครื่องช่วยฟังรุ่น Vibe Nano8 ยังมาพร้อมแอพพลิเคชั่นที่สามารถให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับเสียงได้ตามความต้องการได้ตลอดเวลาหากต้องการรายละเอียดการปรับเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 021150568 เพื่อนัดหมายเพื่อดูรายละเอียดการปรับเครื่องช่วยฟังให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น

รูปภาพดังต่อไปนี้แสดงถึงการใช้สำหรับแอพพลิเคชัน Vibe ซึ่งออกแบบมาเพื่อควบคุมการตั้งค่าเสียงจากระยะไกล

การควบคุมระดับเสียง

  1. เปิดแอป Vibe และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องช่วยฟังเชื่อมต่อกับแอปพลิชันสำเร็จ
  2. การปรับระดับเสียงไปที่การควบคุมระดับเสียงและแตะที่แท็บหรือไอคอนที่แสดงถึงการควบคุมระดับเสียง(Volume) ในภาพคือแท็บที่มีไอคอนลำโพง
    • เลื่อนขึ้นเพื่อเพิ่มระดับเสียง
    • เลื่อนลงเพื่อลดระดับเสียง
    • ระดับเสียงปัจจุบันจะปรากฏขึ้น (เช่น 8 ในภาพ)

การควบคุมความสมดุลของเสียง

  1. เปิดแอป Vibe และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องช่วยฟังเชื่อมต่อกับแอปพลิชันสำเร็จ
  2. ไปที่ความสมดุลของเสียงแตะที่แท็บหรือไอคอนที่แสดงถึงการควบคุมความสมดุลของเสียง ในภาพคือแท็บที่มีไอคอนรูปคลื่น
    • เลื่อนขึ้นเพื่อเพิ่มเสียงแหลม
    • เลื่อนลงเพื่อเพิ่มเสียงทุ้ม ระดับสมดุลปัจจุบันจะแสดงขึ้น

แอปพลิเคชันนี้เป็นวิธีที่สะดวกในการควบคุมระดับเสียงและสมดุลเสียงของระบบเสียงของคุณจากระยะไกล ช่วยให้มั่นใจถึงประสบการณ์การฟังที่เหมาะสมที่สุด

รู้หรือไม่เครื่องช่วยฟังใส่ในช่องหูมีข้อเสียและข้อจำกัดอะไรบ้าง?

  1. ไม่แนะนำสำหรับผู้ใช้ที่มีลักษณะขี้หูเปียกเพราะอาจจะทำให้ตัวเครื่องช่วยฟังเกิดการชำรุดหรือช็อตได้จากขี้หูเปียก
  2. ใส่ไม่สบายการใส่เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สบาย โดยเฉพาะถ้าไม่พอดีกับขนาดของช่องหู
  3. เกิดการอุดตันของขี้หูการใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้เกิดการสะสมของขี้หูและอาจนำไปสู่การอุดตันเครื่องช่วยฟังได้
  4. เสียงสะท้อน: เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้เกิดเสียงสะท้อน (feedback) เมื่อเสียงถูกส่งกลับเข้ามาในไมโครโฟนของเครื่องช่วยฟัง
  5. ความยากในการปรับตัว: สำหรับบางคน การปรับตัวให้คุ้นเคยกับการใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจยากเพราะเครื่องช่วยฟังใส่ในช่องหูจะค่อนข้างใส่ให้แน่นในช่องหู
  6. จำกัดการใช้งานในบางสถานการณ์: การใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจไม่เหมาะกับการเล่นกีฬา หรืองานที่ต้องใช้ความเคลื่อนไหวมากๆ เนื่องจากเครื่องอาจหลุดได้ง่าย

เครื่องช่วยฟังในช่องหูเหมาะกับบางคน แต่ไม่เหมาะกับทุกคน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเพื่อเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

จากนั้นเราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟังว่าคืออะไร

เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินสามารถได้ยินเสียงได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทำหน้าที่ขยายเสียงที่ได้รับจากสภาพแวดล้อม เพื่อให้เสียงที่ได้ยินชัดเจนขึ้นสำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยิน ซึ่งเครื่องช่วยฟังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เครื่องช่วยฟังแบบอะนาล็อคและดิจิตอล ทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งกระบวนการทำงานหรือการปรับเสียงต่างๆ ต่อมาเรามารู้ก่อนว่ากระบวนการทำงานของเครื่องช่วยฟังทำงานอย่างไร

เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการได้ยินเสียงสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน การทำงานของเครื่องช่วยฟังประกอบด้วยส่วนหลักๆ ดังนี้:

  1. ไมโครโฟน (Microphone): ทำหน้าที่รับเสียงจากสภาพแวดล้อมและแปลงเสียงนั้นเป็นสัญญาณไฟฟ้า
  2. เครื่องขยายเสียง (Amplifier): ขยายสัญญาณไฟฟ้าที่ได้รับจากไมโครโฟน ทำให้เสียงดังขึ้น
  3. ลำโพง (Speaker): แปลงสัญญาณไฟฟ้าที่ขยายแล้วกลับเป็นเสียง และส่งไปยังหูของผู้ใช้
  4. แบตเตอรี่ (Battery): เป็นแหล่งพลังงานสำหรับการทำงานของเครื่องช่วยฟัง
  5. เครื่องปรับเสียง (Volume Control): ให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับเสียงได้ตามต้องการ

ขั้นตอนการทำงานของเครื่องช่วยฟัง:

  1. การรับเสียง: ไมโครโฟนรับเสียงจากสิ่งแวดล้อม
  2. การแปลงสัญญาณ: เสียงที่รับเข้ามาถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
  3. การขยายสัญญาณ: สัญญาณไฟฟ้าถูกส่งไปยังเครื่องขยายเสียงเพื่อเพิ่มความดัง
  4. การแปลงกลับ: สัญญาณไฟฟ้าที่ขยายแล้วถูกแปลงกลับเป็นเสียงผ่านลำโพง
  5. การส่งเสียง: เสียงที่ได้ยินจะถูกส่งไปยังหูของผู้ใช้

ประเภทของเครื่องช่วยฟัง

  1. เครื่องช่วยฟังแบบในหู (In-the-Ear, ITE): อยู่ภายในช่องหูทั้งหมด
  2. เครื่องช่วยฟังแบบหลังหู (Behind-the-Ear, BTE): ส่วนหลักอยู่หลังหูและมีท่อเสียงที่นำเสียงเข้าสู่ช่องหู
  3. เครื่องช่วยฟังแบบในช่องหู (In-the-Canal, ITC) และ แบบลึกในช่องหู (Completely-in-Canal, CIC): มีขนาดเล็กและซ่อนอยู่ภายในช่องหู

ต่อมา เราจะมาดูเครื่องช่วยฟังของ Mimitakara กันบ้าง ขอแนะนำรุ่น myHearing I1 ที่รูปลักษณ์ภายนอกมีความคล้ายกันกับเครื่องช่วยฟังรุ่น Vibe Nano8

myHearing I1 เป็นเครื่องช่วยฟังขั้นสูงที่รอบคอบที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีความสูญเสียการได้ยินเล็กน้อยถึงปานกลาง คุณสมบัติหลักและคุณประโยชน์ของ myHearing I1 สามาถอ่านเพิ่มเติมได้ที่

ทำไมถึงใส่เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในหู? และคุณสมบัติพิเศษของเครื่องช่วยฟัง Myhearing I1 คืออะไร? มีดียังไง? เข้าใจการทำงานเบื้องต้นของเครื่องช่วยฟังแบบใส่ในหูสำหรับผู้สูงอายุได้ง่ายๆ

ในส่วนของการปรับผู้ใช้สามารถปรับแต่ง myHearing I1 ให้ตรงกับความต้องการด้านการได้ยินเฉพาะของตนเองได้โดยใช้แอพสมาร์ทโฟน แอปช่วยให้สามารถปรับระดับเสียง ความละเอียดเสียงในทุกๆความถี่ได้ การปรับแต่งโดยละเอียดสามารถทำได้ที่โรงพยาบาลหรือศูนย์การได้ยิน Digibionic ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ขั้นตอนการปรับเสียงจากกราฟการได้ยิน

  1. เตรียมกราฟการได้ยิน (Audiogram)
    • รับการทดสอบการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เช่น นักโสตสัมผัสวิทยาหรือแพทย์เฉพาะทาง
    • ได้รับกราฟการได้ยินที่แสดงผลการได้ยินในแต่ละความถี่และระดับความดัง

(หากผู้ใช้ไม่มีกราฟการได้ยินสามารถตรวจการได้ยินได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือศูนย์บริการการได้ยินDigibionic โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)

  1. ผู้เชี่ยวชาญจะกรอกกราฟการได้ยินลงในโปรแกรมสำหรับการปรับแบบละเอียด
    • ป้อนข้อมูลจากกราฟการได้ยินลงในแอพพลิเคชั่นโดยระบุระดับการได้ยินในแต่ละความถี่ (เช่น 250 Hz, 500 Hz, 1000 Hz, 2000 Hz, 4000 Hz, 8000 Hz)
    • ระบุระดับความดังที่ได้ยิน (เช่น 20 dB, 40 dB, 60 dB) ในแต่ละความถี่ตามกราฟการได้ยินของคุณทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ดังภาพด้านล่าง

จากนั้นสามารถเข้าไปปรับความละเอียดเสียงในส่วนต่างๆ เช่น ความดัง สมดุลเสียง เสียงสนทนา เสียงพูดของตนเอง เสียงหวีด

จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะช่วยแนะนำว่าการได้ยินของผู้ใช้เหมาะสมกับโปรไฟล์เสียงไหน

การเลือกโปรไฟล์เสียงที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละคน โดยสรุปดังนี้

  • P1 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการลดเสียงทุ้มเบาๆ โดยไม่ต้องการลดเสียงมากเกินไป
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบ หรือผู้ที่ต้องการให้เสียงทุ้มมีความชัดเจนมากขึ้น
  • P2 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับต่ำ
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ที่มีเสียงรบกวนน้อย หรือในบ้าน
  • P3 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนปานกลาง หรือในที่ทำงาน
  • P4 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ทำงาน หรือในที่ที่มีเสียงรบกวนปานกลาง
  • P5 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูง หรือในสถานที่ที่มีเสียงดัง
  • P6 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่มีเสียงดังมาก เช่น ในงานแสดงคอนเสิร์ต หรือตลาดนัดที่มีคนเยอะ

การเลือกโปรไฟล์ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งเครื่องช่วยฟังรุ่น myHearing I1 ยังมาพร้อมแอพพลิเคชั่นที่สามารถให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับเสียงได้ตามความต้องการได้ตลอดเวลาหากต้องการรายละเอียดการปรับเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 02-115-0568 เพื่อนัดหมายเพื่อดูรายละเอียดการปรับเครื่องช่วยฟังให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น

คำอธิบายการใช้งานแอปพลิเคชัน Mimitakara@myHearing

เมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน Mimitakara@myHearing ต้องลงทะเบียนผู้ใช้งานใหม่

  • โดยกรอกเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้งานและกดรับรหัส
  • จะมีรหัสยืนยันส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของผู้ใช้งาน จากนั้นกดส่ง ก็จะสามารถเริ่มต้นใช้งานแอปพลิเคชันได้แล้ว

เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยจะเข้ามาที่หน้านี้ จากนั้นให้ผู้ใช้เลือกจับคู่เครื่องช่วยฟังตามรุ่นการใช้งานของคุณ C1 , I1 , B1 โดยเชื่อมต่อเครื่องช่วยฟังทีละข้างเมื่อเชื่อมต่อสำเร็จจะปรากฏวันที่/เวลาในการเชื่อมต่อเครื่องช่วยฟัง

จากนั้นใส่กราฟการได้ยินทั้ง 2 ข้าง และสามารถปรับระดับเสียงหรือความสมดุลเสียงได้ด้วยตัวเอง

myHearing I1 ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายพร้อมการตั้งค่าที่สามารถปรับผ่านแอพหรือปรับเสียงระยะไกลได้โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้าน โดยเลือกหัวข้อ “การสนับสนุนออนไลน์” ก็สามารถส่งข้อความหาผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยปรับเสียงให้คุณได้ตลอดเวลา

รู้หรือไม่เครื่องช่วยฟังใส่ในช่องหูมีข้อเสียและข้อจำกัดอะไรบ้าง?

  1. ไม่แนะนำสำหรับผู้ใช้ที่มีลักษณะขี้หูเปียกเพราะอาจจะทำให้ตัวเครื่องช่วยฟังเกิดการชำรุดหรือช็อตได้จากขี้หูเปียก
  2. ใส่ไม่สบายการใส่เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สบาย โดยเฉพาะถ้าไม่พอดีกับขนาดของช่องหู
  3. เกิดการอุดตันของขี้หูการใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้เกิดการสะสมของขี้หูและอาจนำไปสู่การอุดตันเครื่องช่วยฟังได้
  4. เสียงสะท้อน: เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจทำให้เกิดเสียงสะท้อน (feedback) เมื่อเสียงถูกส่งกลับเข้ามาในไมโครโฟนของเครื่องช่วยฟัง
  5. ความยากในการปรับตัว: สำหรับบางคน การปรับตัวให้คุ้นเคยกับการใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจยากเพราะเครื่องช่วยฟังใส่ในช่องหูจะค่อนข้างใส่ให้แน่นในช่องหู
  6. จำกัดการใช้งานในบางสถานการณ์: การใช้เครื่องช่วยฟังในช่องหูอาจไม่เหมาะกับการเล่นกีฬา หรืองานที่ต้องใช้ความเคลื่อนไหวมากๆ เนื่องจากเครื่องอาจหลุดได้ง่าย

เครื่องช่วยฟังในช่องหูเหมาะกับบางคน แต่ไม่เหมาะกับทุกคน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเพื่อเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

ต่อมา เราจะมาดูเครื่องช่วยฟังของ Mimitakara รุ่น myHearing B1 กันบ้าง

เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ Mimitakara รุ่น B1เครื่องช่วยฟังคล้องหลังหู BTE แบบดิจิตอล พร้อมระบบการได้ยินบนคลาวด์ ดีไซน์ทันสมัยออกแบบรับกับสรีระกับของใบหู ขนาดกระทัดรัด ให้เสียงคุณภาพสูง ชัดเจน มีระบบป้องกันการสะท้อนของเสียง น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน สำหรับผู้สูญเสียการได้ยินระดับปานกลางถึงรุนแรง

ขั้นตอนการปรับเสียงจากกราฟการได้ยิน

  1. เตรียมกราฟการได้ยิน (Audiogram)
    • รับการทดสอบการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เช่น นักโสตสัมผัสวิทยาหรือแพทย์เฉพาะทาง
    • ได้รับกราฟการได้ยินที่แสดงผลการได้ยินในแต่ละความถี่และระดับความดัง

(หากผู้ใช้ไม่มีกราฟการได้ยินสามารถตรวจการได้ยินได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือศูนย์บริการการได้ยินDigibionic โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)

  1. ผู้เชี่ยวชาญจะกรอกกราฟการได้ยินลงในโปรแกรมสำหรับการปรับแบบละเอียด
    • ป้อนข้อมูลจากกราฟการได้ยินลงในแอพพลิเคชั่นโดยระบุระดับการได้ยินในแต่ละความถี่ (เช่น 250 Hz, 500 Hz, 1000 Hz, 2000 Hz, 4000 Hz, 8000 Hz)
    • ระบุระดับความดังที่ได้ยิน (เช่น 20 dB, 40 dB, 60 dB) ในแต่ละความถี่ตามกราฟการได้ยินของคุณทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ดังภาพด้านล่าง

จากนั้นสามารถเข้าไปปรับความละเอียดเสียงในส่วนต่างๆ เช่น ความดัง สมดุลเสียง เสียงสนทนา เสียงพูดของตนเอง เสียงหวีด

จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะช่วยแนะนำว่าการได้ยินของผู้ใช้เหมาะสมกับโปรไฟล์เสียงไหน

การเลือกโปรไฟล์เสียงที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละคน โดยสรุปดังนี้

  • P1 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการลดเสียงทุ้มเบา ๆ โดยไม่ต้องการลดเสียงมากเกินไป
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบ หรือผู้ที่ต้องการให้เสียงทุ้มมีความชัดเจนมากขึ้น
  • P2 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับต่ำ):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับต่ำ
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ที่มีเสียงรบกวนน้อย หรือในบ้าน
  • P3 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนปานกลาง หรือในที่ทำงาน
  • P4 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับปานกลาง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับปานกลาง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ทำงาน หรือในที่ที่มีเสียงรบกวนปานกลาง
  • P5 (ใช้การลดขยายเสียงที่เสียงทุ้ม ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทุ้มในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูง หรือในสถานที่ที่มีเสียงดัง
  • P6 (ใช้การลดขยายเสียงทั้งหมด ที่ระดับสูง):
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเสียงทั้งหมดในระดับสูง
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่มีเสียงดังมาก เช่น ในงานแสดงคอนเสิร์ต หรือตลาดนัดที่มีคนเยอะ
 

การเลือกโปรไฟล์ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งเครื่องช่วยฟังรุ่น myHearing B1 ยังมาพร้อมแอพพลิเคชั่นที่สามารถให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับเสียงได้ตามความต้องการได้ตลอดเวลาหากต้องการรายละเอียดการปรับเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 02-115-0568 เพื่อนัดหมายเพื่อดูรายละเอียดการปรับเครื่องช่วยฟังให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น

คำอธิบายการใช้งานแอปพลิเคชัน Mimitakara@myHearing

เมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน Mimitakara@myHearing ต้องลงทะเบียนผู้ใช้งานใหม่

  • โดยกรอกเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้งานและกดรับรหัส
  • จะมีรหัสยืนยันส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของผู้ใช้งาน จากนั้นกดส่ง ก็จะสามารถเริ่มต้นใช้งานแอปพลิเคชันได้แล้ว

เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยจะเข้ามาที่หน้านี้ จากนั้นให้ผู้ใช้เลือกจับคู่เครื่องช่วยฟัง B1 โดยเชื่อมต่อเครื่องช่วยฟังทีละข้างเมื่อเชื่อมต่อสำเร็จจะปรากฏวันที่/เวลาในการเชื่อมต่อเครื่องช่วยฟัง

จากนั้นใส่กราฟการได้ยินทั้ง 2 ข้าง และสามารถปรับระดับเสียงหรือความสมดุลเสียงได้ด้วยตัวเอง

myHearing B1 ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายพร้อมการตั้งค่าที่สามารถปรับผ่านแอพหรือปรับเสียงระยะไกลได้โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้าน โดยเลือกหัวข้อ “การสนับสนุนออนไลน์” ก็สามารถส่งข้อความหาผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยปรับเสียงให้คุณได้ตลอดเวลา

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยฟังรุ่น Vibe Nano8 หรือเครื่องช่วยฟังของ Mimitakara รุ่น myHearing I1 , B1 การปรับแต่งเสียง ฟังก์ชั่นการทำงาน รูปร่างภายนอก ช่วงราคาก็ค่อนข้างที่จะคล้ายกันรวมถึงการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย ทั้งหมดนี้สามารถนำเครื่องเข้ามาปรับแต่งเสียงได้ที่โรงพยาบาลหรือศูนย์เครื่องช่วยฟัง Digibionic ได้ตลอดหรือเข้ามาปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้

ให้ผู้คนได้สัมผัสความสวยงามของเครื่องช่วยฟังและได้ยินเสียงความรักของครอบครัวอีกครั้ง
หากคุณต้องการแบ่งปันความรักกับ Digibionic โปรดติดต่อเรา…

ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

โทรจองคิวรับบริการที่ 02-115-0568

บริการให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน และการดูแลรักษาช่องหูที่ถูกวิธี ท่านใดสนใจทดสอบการได้ยิน หรือสนใจเครื่องช่วยฟัง สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาที่ Digibionic เราพร้อมบริการทุกสาขา

บทความน่าสนใจ

"มือใหม่ต้องดู" คำแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ

3 วิธีในการเลือกเครื่องช่วยฟัง เครื่องช่วยฟังที่ราคาแพงมีคุณสมบัติมากมาย แต่เครื่องช่วยฟังราคาแพงอาจไม่เหมาะกับคุณ!

ราคาเครื่องช่วยฟัง 2024?

ทำไมราคาเครื่องช่วยฟังแต่ละรุ่นจึงแตกต่างกัน ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงขึ้นคือ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา รวมถึงความสามารถของเครื่องช่วยฟัง

การเลือกเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันพบว่าผู้สูงอายุมีปัญหาทางด้านหัวตึงประสาทหูเสื่อมมากถึงร้อยละ 80 ของผู้สูงอายุทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อายุ 60 – 80 ปี โดยจะพบปัญหาประสาทหูเสื่อม

อย่าลืมกดติดตามเพจ เครื่องช่วยฟัง Hearing Aids Digibionic
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารกิจกรรมและโปรโมชันของเรานะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save